นางฟ้าจะฝ่าความท้าทายอย่างไร

 

ที่มาภาพ: https://www.inpartner.id/blog/deepseek-r1-disrupts-u-s-ai-industry-nvidia-loses-600-billion-market-capitalization

NVIDIA เป็น 1 ในหุ้น 7 นางฟ้า (MAG7)[1] ของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เริ่มต้นธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิตการ์ดจอคอมพิวเตอร์จนถึงปัจจุบันกลายเป็นผู้ผลิตชิป AI การเดินทางของ NVIDIA ผ่านการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งและมีความหมายต่ออนาคตของการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล

           ความสำเร็จของ NVIDIA เกิดจาก 1) รับความเสี่ยงเชิงกลยุทธ 2) ไม่หยุดยั้งสร้างนวัตกรรมและ 3) มองภาพอนาคตอย่างคมชัด บริษัทที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็วอาจล้มลงเมื่อเผชิญความท้าทายที่สั่นคลอนรากฐาน เช่นเดียวกับ NVIDIA ซึ่งคู่แข่งกำลังไล่ตามอย่างกระชั้นชิดและหุ้นส่วนธุรกิจอาจแยกทาง ในโลกของการเปลี่ยนแปลงนางฟ้าจะหาทางปรับตัวหรือก้าวข้ามอุปสรรคอย่างไร[2]

           เส้นเรื่อง (Storyline)[3] ของ Nvidia เริ่มต้นในปี 1993 โดย Jensen Huang, Chris Malachowsky และ Curtis Priem ร่วมก่อตั้งบริษัทด้วยวิสัยทัศน์ที่จะปฏิวัติคอมพิวเตอร์กราฟิก ช่วงเวลาขณะนั้นพีซีส่วนใหญ่ถูกใช้ประมวลผลคำและทำงานง่าย ๆ ผู้ก่อตั้ง NVIDIA เห็นโอกาสในการนำกราฟิกคุณภาพสูงซึ่งใช้งานเฉพาะบนเวิร์กสเตชันราคาแพงมาสู่คอมพิวเตอร์ทั่วไป

           ความสำเร็จแบบจุดพลุครั้งแรกของ NVIDIA เกิดขึ้นในปี 1995 ด้วยการเปิดตัว NV1 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟิกหรือ GPU[4] ตัวแรกของบริษัท แม้ไม่ประสบความสำเร็จในทันที แต่ NVIDIA ได้วางรากฐานสำหรับนวัตกรรมในอนาคต

ตัวเปลี่ยนเกมของจริงมาถึงในปี 1999 ด้วยการ์ดจอ GeForce 256 ในฐานะ GPU ตัวแรกของโลกที่มีความสามารถจัดการคำนวณ 3D ที่ซับซ้อนได้ ทำให้โปรเซสเซอร์หลักของคอมพิวเตอร์ทำงานอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ NVIDIA กลายเป็นชิปที่นักเล่นเกมพีซีชื่นชอบอย่างรวดเร็ว

ทศวรรษต่อมา NVIDIA ยังคงครอบงำตลาด GPU สำหรับเกมคอมพิวเตอร์และแข่งขันกับ ATI ซึ่งถูกซื้อกิจการโดย AMD ทั้งนี้ NVIDIA ได้เพิ่มคุณสมบัติ SLI ให้สามารถเชื่อมโยง GPU หลายตัวและ PhysX สำหรับจำลองเกม นวัตกรรมดังกล่าวส่งผลให้ NVIDIA ก้าวขึ้นมาสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมเกม

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2010 เมื่อนักวิจัยค้นพบว่า GPU สามารถประมวลผลที่ซับซ้อนสำหรับ Machine Learning และ AI ซึ่งเปิดโลกใหม่แก่ NVIDIA ในปี 2012 NVIDIA ออกผลิตภัณฑ์บนสถาปัตยกรรม Kepler ซึ่งสามารถประมวลผลแบบคู่ขนานในการฝึก AI และเครือข่ายประสาทเทียม (neural network)

NVIDIA กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนา AI โดยผลิตชิป CUDA ที่นักวิจัยใช้ประโยชน์จาก GPU เพื่อการคำนวณทางวิทยาศาสตร์และ AI ส่งผลให้ NVIDIA เป็นผู้ปฏิวัติวงการชิป AI และสร้าง Hardware สำหรับ DATA Center การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการแพทย์และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ NVIDIA พุ่งสูงขึ้น

ราคาหุ้น NVIDIA เพิ่มขึ้นจากหุ้นละ 15 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2012 เป็น 700 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 มูลค่าตลาด (Market Cap.) เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีเดียวกันโดยเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกและเข้าสู่ทำเนียบนางฟ้า NVIDIA ยังคงสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะระบบ dgx สำหรับงานวิจัย AI และยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

การแพร่ระบาดของ Covid-19 เร่งการเติบโตของ NVIDIA เนื่องจากผู้คนต้องทำงานจากที่บ้าน (WFH) และชมความบันเทิงออนไลน์ ความต้องการ GPU สำหรับเกมเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทลงทุนด้าน AI และ Cloud Computing ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ DATA Center เพิ่มขึ้น

การพุ่งขึ้นของ Crypto Currency นำไปสู่ความต้องการ GPU สำหรับขุดเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นราคา GPU สูงขึ้นและขาดแคลนทำให้นักเล่นเกมไม่พอใจ NVIDIA จึงออกโปรเซสเซอร์เฉพาะสำหรับขุดเหรียญและทำให้ GPU มีความน่าสนใจน้อยลงในการทำเหมือง

ปี 2020 NVIDIA พยายามซื้อกิจการ ARM Holding ผู้ออกแบชิปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะความกังวลของผู้ควบคุมกฏระเบียบ NVIDIA จึงขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดชิพประมวลผลตลอดปี 2024 NVIDIA ครอบงำทั้งตลาดเกมและชิพประมวลผล AI

ชิปประมวลผลกราฟิก GeForce RTX ซีรีส์ 40 ตัวล่าสุดของ NVIDIA สร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรม Ada Lovelace (ชื่อผู้ริเริ่มเขียนคำสั่งควบคุมคอมพิวเตอร์) สามารถประมวลผลเกมและสร้างคอนเทนท์ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนตลาดชิป AI ขั้นสูง NVIDIA นำเสนอ GPU รุ่น H100 สำหรับ DATA Center

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ย่อมถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด NVIDIA จะฟันฝ่าความท้าทายอันเกิดจากจับจ้องของผู้คุมกฎระเบียบและอุปสงค์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร โดยยังคงรักษาตำแหน่งนางฟ้าที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ AI และ Cloud Computing รวมทั้งกราฟิกเกมชั้นสูง

สถานะเกือบผูกขาดของ NVIDIA เริ่มสั่นคลอน เนื่องจากนางฟ้าเทคขนาดใหญ่ เช่น Google Amazon และ Microsoft ซึ่งเคยเป็นลูกค้ารายใหญ่กลายเป็นคู่แข่งเพราะตระหนักถึงความสำคัญของ AI และเริ่มพัฒนาชิปประมวลผลของตัวเอง โดย Google พัฒนาชิป tensor หรือ TPU ส่วน Amazon (AWS) ผู้ให้บริการ Cloud ใช้ชิป Trainium ใน DATA Center ของตน เพื่อลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA

บริษัทสตาร์ทอัปผู้ผลิตชิป AI ขนาดเล็ก cerebras ก็ร่วมแข่งขันโดยมีชิป WSE-3 ที่อ้างว่าทรงพลังมากกว่า H100 ของ NVIDIA ทั้งในแง่จำนวนแกนประมวลผลและหน่วยความจำแต่กินไฟต่ำ สำหรับตลาดเกม NVIDIA เผชิญความท้าทายจาก AMD ผู้ผลิตราฟิกการ์ด Radeon RX 7900 XTX บนสถาปัตยกรรม RDNA™ ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลระดับสูงและประหยัดพลังงานในราคาต่ำกว่า

ความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างสหรัฐฯกับจีนสร้างความยุ่งยากให้กับ NVIDIA รัฐบาลสหรัฐฯห้าม NVIDIA ส่งออกชิปประสิทธิภาพสูงแก่จีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ NVIDIA จึงผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าเพื่อส่งออกไปยังตลาดสำคัญ ซึ่งมุ่งเน้นการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม

ชิปประสิทธิภาพสูงของ NVIDIA บริโภคพลังงานไฟฟ้าสูงมาก สร้างความกังวลให้กับ DATA Center หาก NVIDIA ไม่สามารถลดการใช้พลังงานในผลิตภัณฑ์ของตนได้รวดเร็วพอก็อาจสูญเสียตลาดที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น NVIDIA อย่างมีนัยสำคัญและสร้างความกัวลให้กับนักลงทุนหลังเข้าสู่ทำเนียบนางฟ้าในปี 2023 ราคาหุ้น NVIDIA เริ่มผันผวนอย่างมาก นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า NVDIA  จะสามารถรักษาการเติบโตโดยฝ่าลมลมต้าน (head wind) ได้หรือไม่

ช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 ผลประกอบการ NVIDIA ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีประกอบกับการขุดเหรียญคริปโตเริ่มชะลอตัวและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางอุปสรรครุมเร้า NVIDIA ลงทุด้านการวิจัยและพัฒนา AI รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัตและ edge computing ด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลายและขยายไปสู่ตลาดใหม่ ๆ

           NVIDIA มีเป้าหมายลดการพึ่งพาตลาดเกมและ DATA Center หนทางข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอน การฝ่าความท้าทายและรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีต้องอาศัยความยืดหยุ่น (resilient) และการปรับตัว (adaptive) นอกจากการวิจัยและพัฒนาสถาปัตยกรรม GPU ยุคถัดไปและชิป AI ชั้นสูง NVIDIA ยังพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย  

บรรดาความท้าทายที่ NVIDIA กำลังเผชิญอยู่ บริษัท Apple น่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุด เนื่องจากบริษัทนี้เคยสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก มีลูกค้า (สาวก) ที่ภักดีต่อตราสินค้าและเคยสร้างความปั่นป่วน (disrupt) ทั้งอุตสาหกรรมโดยการเขย่าวงการ PC  (Mac) และอุปกรณ์เคลื่อนที่ (iPhone)

กลยุทธ์ชิปซิลิคอนของแอปเปิล (Apple silicon strategy) มีแนวโน้มเป็นภัยต่อ NVIDIA ในปี 2020 Apple เปิดตัวชิป M1 ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับวงการเทคโนโลยีด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมและใช้พลังงานต่ำ ปีถัดมาออกชิป M1MAX และ M1PRO ที่สามารถประมวลผลกราฟิกและ 3D

ในปี 2022 Apple ปล่อยชิป M1ULTRA ซึ่งบรรจุด้วยชิป M1MAX 2 ตัว สามารถประมวลผลเทียบเท่าชิปประสิทธิภาพสูงของ NVIDIA แต่กินพลังงานน้อยกว่า ความเหนือชั้นของชิป Apple คือ การผนึก GPU และ CPU ในแผ่นเดียวกันหรือที่เรียกว่า Soc (system on chip) ซึ่งประมวลผลได้ยอดเยี่ยมและใช้พลังงานต่ำ

กลยุทธของ Apple กำลังคุกคามรูปแบบการทำธุรกิจของ NVIDIA ซึ่งแยกขาย GPU และ CPU แก่ผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายเดินตามแนวทางของ Apple นอกจากอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Apple ยังให้ความสนใจ AI โดยเพิ่มส่วนประมวลผลที่เรียกว่า Neural Engine[5] หาก Apple เริ่มจำหน่ายชิปประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานแก่บริษัทอื่นย่อมกระทบธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วของ NVIDIA

การปรากฎตัวของ DeepSeek[6] (ตัวแบบ AI จีน) เมื่อปลายมกราคม 2025 กดดันดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลงร้อยละ 1.5 และ 3.1 ตามลำดับ เนื่องจากความกังวลเรื่องต้นทุนการพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI จีน โดยราคาหุ้น NVIDIA (NVDA.US) ลดลงร้อยละ 17[7] ในระยะสั้นกลุ่มนางฟ้าทั้ง อาจพิจารณาจัดสรรงบลงทุนใหม่ (CAPEX) ขณะที่ความต้องการ GPU ขั้นสูงคงจะยังไม่ลดระดับลงในอนาคตอันใกล้



[1] หรือ “Magnificent Seven” ชื่อนี้มาจากภาพยนตร์เรื่อง “The Magnificent Seven” ชื่อไทย “เจ็ดสิงห์แดนเสือ” ออกฉายในปี 1960 กำกับโดย John Sturges เป็นเรื่องราวของกลุ่มมือปืนเจ็ดคน ปัจจุบันคำนี้ถูกนำมาใช้ในโลกการเงินโดย Michael Hartnett นักวิเคราะห์จาก Bank of America โดยในปี 2023 เขาใช้คำนี้ในการกล่าวถึงหุ้น บริษัทที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมในตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ Alphabet (GOOGL; GOOG), Amazon (AMZN), Apple (AAPL), Meta platforms (META), Microsoft (MSFT), NVIDIA (NVDA) และ Tesla (TSLA) เข้าถึงได้ที่: https://www.lhfund.co.th/Home/TipsAndTricksDetail/detail-16-หุ้นเจ็ดนางฟ้า-คืออะไร

[2] Nvidia Will Get DESTROYED After This New Invention From Apple!  Matter (Youtube)  Jul 7, 2024 Available at: https://www.youtube.com/watch?v=wiLJ1-cQgFM

[3] การใช้เรื่องราวที่สร้างขึ้นมาดำเนินเรื่องโดยอาศัยเส้นทางการดำเนินเรื่อง เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์และมโนทัศน์ต่าง ๆ โดยผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันกำหนดฉาก ตัวละคร แนวทางการดำเนินเรื่องอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เข้าถึงได้ที่วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/wiki/สตอรีไลน์

[4] โปรเซสเซอร์ชนิดพิเศษที่ออกแบบมาสําหรับการคํานวณเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิกและวิดีโอ โดยดําเนินการคําสั่งขนาดเล็กที่เรียกว่า “shaders” บน “cores” อย่างน้อยหนึ่งตัว แกนทั้งหมดเชื่อมต่อกันแบบขนานทําให้สามารถประมวลผลข้อมูลจํานวนมากพร้อมกันได้ GPU เป็นส่วนประกอบสําคัญของการประมวลผลสมัยใหม่

[5] โปรเซสเซอร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชิปทั้งหมดและมีบทบาทสำคัญในการทำงานกับปัญญาประดิษฐ์ ชิป M1Ultra มี Neural Engine 32 คอร์ ซึ่งสามารถจัดการการดำเนินการ 22 ล้านล้านครั้งต่อวินาที

[6] โมเดลภาษา (Language Model) ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทสตาร์ทอัพ DeepSeek AI ของจีน สามารถสร้างข้อความที่มีความหมายและเป็นธรรมชาติ โดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) Deepseek มุ่งเน้นการใช้งานหลากหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาจีนและมีจุดเด่นด้านความเข้าใจบริบทและการปรับตัวให้เข้ากับงานเฉพาะทาง เช่น การแปลภาษา วิเคราะห์ข้อมูลและการสร้างเนื้อหา

[7] Analysts aren't panicking about Nvidia stock after China's DeepSeek AI advance sparked a sell-off Quartz Intelligence Newsroom Mon, January 27, 2025 at 11:21 PM GMT+7 1 min read Available at: https://finance.yahoo.com/news/analysts-arent-panicking-nvidia-stock-162102782.html

Author Image

About Kim
Kim is a retired civil servant, specializing in intelligence analysis. He loves productivity hacks, minimalist workflows and CSI series.

No comments

Powered by Blogger.